WallCharger เริ่ม ฿13,900

ev charging at home

Emergency Charge ที่แถมมากับรถ VS EV Wall Charge
ต่างกันอย่างไร? แบบใหนดีกว่ากัน?

          ในยุคที่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) กำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้บริโภคมีความสนใจและตื่นตัวในการเลือกใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น การชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ที่บ้านกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้ต้องพิจารณาเมื่อทำการตัดสินใจซื้อรถ EV หรือ PHEV
         หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยจากผู้ใช้คือ "Emergency Charge ที่แถมมากับรถ กับ EV Wall Charge ต่างกันอย่างไร แบบใหนดีกว่ากัน?" เนื่องจากการเลือกเครื่องชาร์จที่เหมาะสมสามารถมีผลต่อประสบการณ์การใช้งานและความสะดวกสบายในการชาร์จรถที่บ้านได้ การทำความเข้าใจข้อแตกต่างระหว่าง Emergency Charge และ EV Wall Charge จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

         Emergency Charge ซึ่งมักจะมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าแบบพกพาที่สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อจำเป็น ส่วน EV Wall Charge เป็นที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้านหรือที่จอดรถที่สามารถให้กำลังไฟฟ้าได้สูงกว่าและชาร์จรถได้รวดเร็วกว่า

         โดยบทความนี้จะนำเสนอการเลือกใช้ Emergency Charge และ EV Wall Charge ว่าอันไหนเหมาะสมกับผู้ใช้ในกรณีใดบ้าง เช่น Emergency Charge เหมาะสำหรับการใช้งานฉุกเฉินหรือผู้ที่มีการเดินทางน้อย ส่วน EV Wall Charge เหมาะสำหรับผู้ที่มีการใช้งานรถเป็นประจำและต้องการความสะดวกสบายในการชาร์จที่รวดเร็วขึ้น การวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียและความเหมาะสมในแต่ละกรณีจะช่วยให้ผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกใช้งาน

ev charger meter

1)Emergency Charge ที่แถมมากับรถ

Emergency Charge คืออุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าแบบพกพาที่มักมาพร้อมกับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ที่สามารถใช้งานได้ทันทีโดยการเสียบเข้ากับเต้าเสียบไฟฟ้าทั่วไปที่บ้านหรือสถานที่อื่น ๆ โดยไม่ต้องการการติดตั้งพิเศษ อุปกรณ์นี้มีประโยชน์ในกรณีฉุกเฉินหรือการเดินทางที่จำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้ารถในสถานที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จเฉพาะ ความสามารถในการพกพาทำให้ผู้ใช้สามารถชาร์จรถยนต์ได้ทุกที่ที่มีไฟฟ้า ทำให้เพิ่มความสะดวกสบายและความมั่นใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม Emergency Charge มักจะมีความเร็วในการชาร์จ 16A โดยช้ากว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ EV Wall Charger โดยทั่วไปจะชาร์จได้ในระดับ 32 แอมป์ (ประมาณ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง) ซึ่งเหมาะสำหรับการชาร์จในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือการใช้งานชั่วคราว แต่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานระยะยาวหรือการชาร์จข้ามคืน เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงในการชาร์จเกินและเกิดความร้อนสะสม ดังนั้นจึงควรถอดปลั๊กออกทันทีเมื่อการชาร์จเสร็จสิ้นเพื่อป้องกันปัญหาความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบสภาพอุปกรณ์และสายชาร์จเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายที่อาจนำไปสู่ปัญหาความปลอดภัยในระยะยาว 

ข้อควรระวังในการใช้ Emergency Charge
          • ไม่ควรใช้ข้ามคืน: Emergency Charge มักจะมีความเร็วในการชาร์จที่ช้ากว่า EV Wall Charger และมีการควบคุมการชาร์จที่น้อยกว่า ทำให้มีความเสี่ยงในการชาร์จเกินหรือความร้อนสะสมเมื่อชาร์จเป็นเวลานานๆ การใช้ Emergency Charge ชาร์จข้ามคืนอาจนำไปสู่ปัญหาทางเทคนิคหรือความปลอดภัยได้
         • ควรถอดปลั๊กออกเมื่อชาร์จเสร็จ: เมื่อการชาร์จเสร็จสมบูรณ์ ควรถอดปลั๊กออกจากรถยนต์และเต้าเสียบไฟฟ้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดความร้อนสะสมหรือไฟฟ้าลัดวงจร
         • การตรวจสอบสภาพการใช้งาน: ตรวจสอบสายชาร์จและปลั๊กเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายหรือการสึกหรอที่อาจนำไปสู่ปัญหาความปลอดภัย
         • ใช้อุปกรณ์ตามคำแนะนำของผู้ผลิต: ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตในการใช้งาน Emergency Charge และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการรับรองจากผู้ผลิต

ข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จที่เหมาะสมตามความต้องการและสถานการณ์การใช้งานของคุณ โดยการปฏิบัติตามข้อควรระวังที่ระบุจะช่วยให้การใช้งาน Emergency Charge เป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น.

ev charger meter

2) Wall Charge

Wall Charge คืออุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ติดตั้งถาวรบนผนังหรือพื้นในบ้านหรือสถานที่ทำงาน โดยเรียกกันทั่วไปว่า Wall Charger หรือที่ชาร์จรถไฟฟ้าที่บ้าน อุปกรณ์นี้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการชาร์จไฟฟ้าแบบเร็วและมีประสิทธิภาพสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเมื่อเปรียบเทียบกับที่ชาร์จแบบพกพา (Emergency Charge)

        Wall Charger สามารถให้กำลังไฟฟ้าสูงถึง 48 แอมป์ (ประมาณ 44 ไมล์ต่อชั่วโมง) ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่ของรถยนต์ได้รวดเร็วกว่า มีฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การเชื่อมต่อ Wi-Fi การตั้งเวลาชาร์จ และการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมและตรวจสอบการชาร์จได้อย่างละเอียด ระบบการสื่อสารระหว่าง Wall Charger และรถยนต์ไฟฟ้าช่วยให้การชาร์จเป็นไปอย่างปลอดภัย โดยมีการตัดไฟอัตโนมัติเมื่อการชาร์จเต็ม เพื่อป้องกันการชาร์จเกินและการเสียหายของแบตเตอรี่
        นอกจากนี้ Wall Charger ยังมีความทนทานสูงและออกแบบมาเพื่อการใช้งานระยะยาว สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทำให้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีที่จอดรถประจำและต้องการการชาร์จที่รวดเร็วและสะดวกสบายในการใช้งานประจำวัน
        ด้วยฟีเจอร์และประสิทธิภาพที่เหนือกว่า Wall Charger เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านหรือที่ทำงาน โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าเป็นประจำและต้องการความเร็วในการชาร์จสูงสุด

           เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เราควรเลือกใช้ Wall Charger หากจำเป็นต้องชาร์จรถเป็นประจำ โดยเฉพาะเมื่อชาร์จข้ามคืน เนื่องจาก Wall Charger มีระบบการสื่อสารกับรถยนต์ที่สามารถตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม ทำให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงกว่า นอกจากนี้ Wall Charger ยังทนทานและออกแบบมาเพื่อการใช้งานระยะยาว ซึ่งทำให้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการใช้ Emergency Charge ที่เหมาะสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
           การใช้ Emergency Charge ชาร์จไฟในบ้านบางครั้งอาจไม่ปลอดภัย ไม่ใช่เพราะปัญหาจากตัวอุปกรณ์ Emergency Charge เอง แต่เป็นเพราะความเสี่ยงจากระบบไฟฟ้าหรือปลั๊กที่ใช้ในบ้าน หากปลั๊กไฟใช้สายไฟขนาดเล็กเช่น 2.5 มิลลิเมตร อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว เราจึงแนะนำให้ใช้ Wall Charger เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้าน